ราคารถรับจ้างขนของ กรุงเทพ – ต่างจังหวัด เท่าไหร่

🚛 ราคารถรับจ้างขนของ กรุงเทพ – ต่างจังหวัด เท่าไหร่?

รถขนย้าย รถรับจ้าง
รถจัมโบ้รับจ้าง รถบรรทุกขนาดเล็ก
รถสี่ล้อใหญ่รับจ้าง
รถ6ล้อขนย้าย บริการส่งของทุกจังหวัด
รถหกล้อรับจ้าง

ราคารถรับจ้างขนของจากกรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัด ขึ้นอยู่กับระยะทาง ประเภทรถ และจำนวนแรงงานช่วยยกของ

 

โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 1,200 – 15,000 บาท ต่อเที่ยวตามขนาดรถและระยะทาง ราคานี้อาจรวมค่ารถ ค่าคนยก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าทางด่วนหรือค่าจอดรถ.

🧮 ตัวอย่างคำนวณราคาแบบจริง (กรุงเทพฯ → ต่างจังหวัด)

การคำนวณราคาค่าบริการรถรับจ้าง จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ได้คิดจากระยะทางเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงประเภทของรถ, จำนวนคนยกของ, จุดรับ-ส่ง และช่วงเวลาที่ใช้บริการ
📌 ตารางตัวอย่างราคาคำนวณจริง
เส้นทาง ประเภทรถ ระยะทาง (กม.) คนยกของ ราคารวมโดยประมาณ
กรุงเทพฯ → นครปฐม กระบะตอนเดียว ~70 กม. ไม่มี 1,500 – 2,000 บาท
กรุงเทพฯ → อยุธยา กระบะตู้ทึบ ~90 กม. 1 คน 2,200 – 2,800 บาท
กรุงเทพฯ → ชลบุรี รถหกล้อ ~110 กม. 2 คน 4,000 – 5,500 บาท
กรุงเทพฯ → ระยอง กระบะตู้ทึบ ~180 กม. ไม่มี 3,200 – 3,800 บาท
กรุงเทพฯ → เชียงใหม่ รถหกล้อ ~700 กม. 2 คน 12,000 – 15,000 บาท
🔍 รายละเอียดองค์ประกอบของราคาที่มักพบ
1. ค่ารถตามระยะทาง
  • รถกระบะ: เริ่มต้นที่ 12–20 บาท/กิโลเมตร
  • รถหกล้อ: เริ่มต้นที่ 18–25 บาท/กิโลเมตร
  • ราคาจะ “ถูกลง” หากระยะทางไกลมาก (เหมาคัน)
2. ค่าแรงคนยกของ
  • เฉลี่ย 300–500 บาท/คน/เที่ยว
  • ถ้ายกของขึ้นอาคารชั้นบน (ไม่มีลิฟต์) หรือของหนักมาก อาจมีเพิ่มอีก 100–300 บาท
3. ค่าบริการเพิ่มเติม (ถ้ามี)
รายการ ราคาโดยประมาณ
ค่ารอหน้างานเกินเวลา 100–300 บาท/ชม.
ค่าทางด่วน คิดตามจริง
ค่าจอดรถ แล้วแต่พื้นที่
ค่าบรรจุ/แพ็คของ เริ่มต้น 200–500 บาท
🎯 ตัวอย่างจำลอง: คำนวณแบบละเอียด (เคสจริง)
เคส: ย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ ไป
  • พัทยา (150 กม.)
    รถ: กระบะตู้ทึบ
  • จำนวนของ: กล่อง 20 ใบ + ตู้เสื้อผ้า + โต๊ะ + เครื่องซักผ้า
  • ต้องการคนยกของ 2 คน
  • ต้องการให้ช่วยแพ็คบางรายการ
การคำนวณ
รายการ รายละเอียด ราคาโดยประมาณ
ค่ารถ เหมา 150 กม. (20 บาท/กม.) 3,000 บาท
ค่าแรงยกของ 2 คน คนละ 400 บาท 800 บาท
ค่าแพ็คของ กล่อง + ตู้เสื้อผ้า 500 บาท
ค่าทางด่วน มอเตอร์เวย์ไปพัทยา 150 บาท
🔻 รวมราคาทั้งหมด = 4,450 บาท
🧠 เคล็ดลับ: อยากได้ราคาถูกลง ต้องทำไง?
  • เตรียมของให้พร้อมก่อนวันขนย้าย ลดเวลารอ ลดค่าแรง
  • ช่วยยกของเองบางส่วน ลดจำนวนแรงงาน
  • เลือกวันธรรมดาแทนวันหยุด/เสาร์-อาทิตย์ ราคาถูกกว่า
  • ใช้รถขนาดเล็กถ้าเป็นไปได้ เพราะถูกกว่าเยอะ
✅ สรุป
การคำนวณค่ารถรับจ้างไม่ใช่แค่ดูระยะทาง แต่ต้องพิจารณาหลายด้านร่วมกัน เช่น ประเภทรถ ของที่ขน แรงงาน และช่วงเวลาที่ใช้บริการ ดังนั้นควรสอบถามรายละเอียดให้ครบก่อนตกลงราคา เพื่อป้องกันค่าบริการแฝง

🚛 รถรับจ้างคืออะไร? เหมาะกับใคร?

รถรับจ้างคืออะไร?
รถรับจ้าง คือบริการขนส่งสิ่งของที่ผู้ให้บริการมีรถยนต์พร้อมคนขับ โดยคิดค่าบริการเป็นครั้ง รายชั่วโมง หรือรายระยะทาง ซึ่งแตกต่างจากบริการส่งของทั่วไป (เช่น ไปรษณีย์ หรือขนส่งพัสดุ) เพราะสามารถยืดหยุ่นได้ทั้งในเรื่องของ ขนาดสิ่งของ เวลา และปลายทาง
โดยมากมักมีรถหลายประเภทให้เลือก เช่น:
  • รถกระบะตอนเดียว / ตู้ทึบ
  • รถหกล้อ
  • รถสิบล้อ
  • รถบรรทุกแบบมีหลังคา/ไม่มีหลังคา
รถรับจ้างมีให้บริการทั้งแบบ:
  • ✅ รายเที่ยว (ไป-กลับ)
  • ✅ รายวัน / รายชั่วโมง
  • ✅ พร้อมแรงงานช่วยยกของ (หากร้องขอ)
รถรับจ้างเหมาะกับใคร?
บริการนี้เหมาะกับบุคคลหรือธุรกิจที่ต้องการขนย้ายของในปริมาณมาก หรือมีลักษณะพิเศษที่ขนส่งทั่วไปไม่รองรับ เช่น:
👤 บุคคลทั่วไป
  • คนที่ต้อง ย้ายหอพัก / ย้ายบ้าน
  • คนที่ซื้อเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่จาก IKEA หรือร้านค้า แล้วต้องการให้มาส่งถึงบ้าน
  • คนที่ต้องการขนของกลับต่างจังหวัดช่วงเทศกาล
🏪 เจ้าของร้าน / ธุรกิจขนาดเล็ก
  • ร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการส่งของล็อตใหญ่ให้ลูกค้า
  • ร้านขายของชำ / ของแห้ง / วัสดุก่อสร้าง ที่ส่งของให้ลูกค้าเป็นประจำ
  • ธุรกิจจัดอีเวนต์ ขนของไปตั้งบูธงาน
🏢 องค์กร / สำนักงาน
  • ออฟฟิศที่ต้อง ย้ายสำนักงาน
  • โรงงานหรือคลังสินค้าที่ต้องขนส่งวัตถุดิบหรือสินค้าไปต่างจังหวัด
ทำไมคนถึงนิยมใช้รถรับจ้าง?
  • ✅ สะดวก: ไม่ต้องขับรถเอง ไม่ต้องหารถ
  • ✅ ยืดหยุ่น: เลือกขนาดรถ/เส้นทาง/เวลาตามความต้องการได้
  • ✅ ประหยัดเวลา: คนขับช่วยยกของหรือจัดของได้ด้วย
  • ✅ ราคาไม่แพง: เมื่อเทียบกับการเช่ารถ + จ้างคนยกเอง
📌 สรุปสั้น ๆ
รถรับจ้างคือทางเลือกที่สะดวก ประหยัด และปลอดภัย สำหรับคนที่ต้องการขนของในปริมาณมาก ระยะใกล้หรือไกล โดยไม่ต้องเสียเวลาขับเองหรือยุ่งยากกับการหาคนยกของ เป็นบริการที่ตอบโจทย์ทั้งบุคคลทั่วไปและเจ้าของธุรกิจทุกขนาด

📌 ประเภทรถรับจ้างที่นิยมใช้ไปต่างจังหวัด

จ้าง ให้เหมาะสมกับของที่จะขน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนที่ดี เพราะนอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังทำให้การขนส่งปลอดภัยและราบรื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกลจาก กรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัด
🚐 1. รถกระบะตอนเดียว (ไม่มีตู้)
รายละเอียด:
  • เป็นรถกระบะพื้นเรียบแบบไม่มีหลังคา
  • ใช้ผ้าใบคลุมหรือเปิดโล่งแล้วแต่ตกลง
  • บรรทุกได้ประมาณ 1 – 1.2 ตัน
เหมาะสำหรับ:
  • ย้ายหอพัก
  • ขนของทั่วไป เช่น กล่อง เสื้อผ้า จักรยาน
  • สินค้าไม่เปียกน้ำ
ข้อดี:
  • ราคาถูกที่สุดในบรรดารถรับจ้าง
  • ขึ้นซอยแคบได้สะดวก
ข้อควรระวัง:
  • ไม่เหมาะกับของเปียก หรือพัสดุเสียหายจากฝน
🚛 2. รถกระบะตู้ทึบ
รายละเอียด:
  • เป็นกระบะมีตู้ปิดหลัง กันแดดกันฝนได้
  • บรรทุกได้ประมาณ 1.5 – 1.8 ตัน
  • บรรจุกล่องของได้แน่น เหมาะกับขนส่งสินค้า
เหมาะสำหรับ:
  • ขนของมีมูลค่า
  • ย้ายห้อง / ย้ายบ้าน
  • ขนของไปต่างจังหวัดแบบไม่ต้องกลัวเปียก
ข้อดี:
  • ปลอดภัยสูง
  • จัดของเป็นระเบียบ
ข้อเสีย:
  • ราคาแพงกว่ากระบะเปิด
  • ตู้สูงอาจเข้าใต้สะพานไม่ได้บางแห่ง
🚚 3. รถหกล้อ
รายละเอียด:
  • รถบรรทุกขนาดกลาง บรรทุกได้ 3 – 4 ตัน
  • ขนาดตัวถังยาวประมาณ 5 – 7 เมตร
  • ใช้ขนของจำนวนมากหรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่
เหมาะสำหรับ:
  • ย้ายบ้านทั้งหลัง
  • ย้ายสำนักงาน
  • ขนเฟอร์นิเจอร์, เครื่องจักร, สินค้าเป็นพาเลท
ข้อดี:
  • รองรับของหนักและจำนวนมาก
  • มีพื้นที่กว้าง จัดวางของได้ดี
ข้อเสีย:
  • ค่าใช้จ่ายสูง
  • เข้าซอยแคบหรือถนนเล็กไม่สะดวก
🏗️ 4. รถสิบล้อ (หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่)
รายละเอียด:
  • สำหรับขนของในระดับอุตสาหกรรม
  • บรรทุกได้ 5 – 10 ตัน+
  • มักใช้เดินทางระยะไกล ข้ามจังหวัด
เหมาะสำหรับ:
  • โรงงาน
  • ร้านขายของจำนวนมาก
  • งานโครงการ เช่น ขนวัสดุก่อสร้าง
ข้อดี:
  • ประหยัดต่อหน่วยถ้าขนของเยอะ
  • เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่
ข้อเสีย:
  • ต้องมีใบอนุญาตเข้าเขตเมืองบางพื้นที่
  • ค่าบริการและค่าแรงเพิ่มตามขนาดงาน
📋 เปรียบเทียบแต่ละประเภทแบบตาราง
ประเภทรถ ความจุโดยประมาณ เหมาะสำหรับ จุดเด่น
รถกระบะตอนเดียว 1 – 1.2 ตัน ขนของทั่วไป ย้ายหอ ราคาถูก เข้าซอยได้ง่าย
รถกระบะตู้ทึบ 1.5 – 1.8 ตัน ขนของมูลค่าสูง กันแดดฝน ปลอดภัย แพ็คแน่น ไม่เสียหาย
รถหกล้อ 3 – 4 ตัน ย้ายบ้าน สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์ จุเยอะ เหมาะกับของใหญ่
รถสิบล้อ 5 – 10 ตัน+ ขนของธุรกิจ/โรงงาน คุ้มสำหรับขนล็อตใหญ่
💡 สรุป
การเลือกรถให้เหมาะกับของที่จะขน ช่วยให้คุณประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย หากขนของน้อย ใช้กระบะก็พอ แต่ถ้าขนทั้งบ้านหรือขนของเยอะ รถหกล้อหรือสิบล้อจะเหมาะกว่า

⚙️ ปัจจัยที่มีผลต่อ “ราคารถรับจ้างต่างจังหวัด”

ราคารถรับจ้างที่ดูเหมือนง่าย แต่ในความเป็นจริง มีหลายปัจจัยร่วมกันที่กำหนดราคา ไม่ใช่แค่ระยะทางอย่างเดียว หากคุณเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ จะช่วยให้วางแผนงบประมาณได้แม่นยำขึ้น และสามารถต่อรองราคากับผู้ให้บริการได้อย่างมีชั้นเชิง
1. 🚗 ระยะทางต้นทาง – ปลายทาง
ระยะทางเป็นปัจจัยหลักในการคิดราคา
  • โดยทั่วไปจะคิดเป็น “ราคาต่อกิโลเมตร” หรือ “เหมาคัน”
  • ยิ่งระยะทางไกล ราคาต่อกิโลเมตรอาจถูกลง (แต่ยอดรวมสูงขึ้น)
  • ตัวอย่าง: กรุงเทพฯ → ชลบุรี (~110 กม.) กับ กรุงเทพฯ → เชียงใหม่ (~700 กม.)
อัตราเฉลี่ย (โดยประมาณ):
  • รถกระบะ: 12 – 20 บาท/กม.
  • รถหกล้อ: 18 – 25 บาท/กม.
2. 🚛 ประเภทของรถที่เลือกใช้
รถแต่ละประเภทมีต้นทุนการเดินทางไม่เท่ากัน
เช่น น้ำมัน, ค่าคนขับ, ความสามารถในการบรรทุก
ประเภทรถ ราคาต่อเที่ยวโดยเฉลี่ย
รถกระบะตอนเดียว 1,200 – 2,500 บาท
รถกระบะตู้ทึบ 1,800 – 3,500 บาท
รถหกล้อ 3,500 – 8,000 บาท
รถสิบล้อ 6,000 – 15,000 บาท
💡 ยิ่งรถใหญ่ ยิ่งต้องการแรงงานเพิ่ม → ราคาสูงขึ้น
3. 🧍‍♂️ จำนวนคนช่วยยกของ (แรงงาน)
หากคุณไม่สามารถยกของเอง หรือมีของหนัก / ของชิ้นใหญ่ ต้องมีคนช่วย
ผู้ให้บริการจะคิดค่าจ้างแรงงานเพิ่มเติมตามจำนวนและความยาก
  • ค่าแรงเฉลี่ย: 300 – 500 บาท/คน/เที่ยว
  • หากยกของขึ้นชั้น 2+ โดยไม่มีลิฟต์ อาจมีค่าเพิ่ม
ตัวอย่าง
  • ย้ายหอ: ใช้ 1 คนยก = บวก 300–400 บาท
  • ย้ายบ้านทั้งหลัง: อาจต้องใช้ 2–3 คน = เพิ่ม 900–1,200+ บาท
4. 🕒 ช่วงเวลาที่ใช้บริการ
ช่วงเวลาในการใช้บริการมีผลต่อราคา เช่น
  • วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวันนักขัตฤกษ์ ราคามักสูงขึ้น 10–20%
  • หากต้องการรถด่วน/วันนี้เลย → มี “คิวพิเศษ” หรือ “ราคาด่วน”
  • งานขนของเวลากลางคืน (20.00 น. เป็นต้นไป) อาจมีค่าเพิ่ม
5. 🌧️ สภาพแวดล้อมในการขนย้าย

พื้นที่หน้างานทั้งต้นทางและปลายทาง มีผลอย่างมากต่อเวลาและความยาก
ตัวอย่างที่อาจทำให้ค่าบริการเพิ่ม:
 
  • ซอยแคบ / ถนนห้ามรถใหญ่เข้า → ต้องเปลี่ยนรถเล็ก + ค่าขนย้ายซ้ำ
  • ไม่มีลิฟต์ ยกของขึ้นตึกสูง
  • ต้องเดินไกลจากจุดจอดถึงตัวบ้าน/ห้อง
  • มีของแตกหักหรือของที่ต้องระวังพิเศษ
6. 💰 บริการเสริมที่ขอเพิ่มเติม
ลูกค้าบางรายอาจต้องการบริการพิเศษ ซึ่งทำให้ราคาเพิ่มขึ้น เช่น:
บริการเสริม ราคาโดยประมาณ
บริการแพ็คของ 200 – 800 บาท
ถอด/ประกอบเฟอร์นิเจอร์ 300 – 1,000 บาท
ค่ารอเกินเวลา 100 – 300 บาท/ชั่วโมง
ค่าทางด่วน / ค่าจอดรถ คิดตามจริง
✅ สรุป: เลือกให้คุ้ม – รู้ไว้ก่อนจ่าย
 
“ราคา” คือผลลัพธ์จากปัจจัยทั้งหมด ไม่ใช่แค่ตัวเลขระยะทาง
การสื่อสารให้ชัดกับผู้ให้บริการ จะช่วยให้ได้ราคาที่แฟร์และไม่โดนบวกเพิ่มหน้างาน

🧠 ก่อนตัดสินใจจ้างรถรับจ้าง ควรถามอะไรบ้าง?

การจ้างรถรับจ้างไม่ใช่แค่ “เลือกคันที่ถูกที่สุด” แล้วโอนจบ เพราะบางครั้งราคาที่เห็นตอนแรกอาจไม่รวมบริการสำคัญ เช่น ค่าแรงยกของ ค่ารอ ค่าทางด่วน หรือไม่มีความพร้อมเรื่องเวลาและความปลอดภัย
 
ก่อนตัดสินใจจ้างรถรับจ้าง ควรถามคำถามสำคัญเหล่านี้เพื่อป้องกันความเสียหายและค่าใช้จ่ายแฝง:
1. 💬 ราคานี้รวมอะไรบ้าง?
ถามเพื่อ: ตรวจสอบว่าราคาที่เสนอรวมอะไรแล้ว เช่น:
  • ค่ารถ + ค่าคนขับ
  • ค่าแรงยกของหรือยัง?
  • ค่าทางด่วน ค่าจอดรถ รวมไหม?
ตัวอย่างคำถามที่ควรถาม:
“ราคานี้รวมคนยกของไหมครับ?”
“ถ้ามีทางด่วน คิดรวมในราคานี้หรือแยกครับ?”
2. 👷 มีแรงงานยกของให้ไหม หรือคิดเพิ่ม?
ถามเพื่อ: รู้ว่าต้องจ้างคนยกของเองหรือเปล่า
ประเด็นที่ควรถามต่อ:
  • คนยกของมีกี่คน?
  • ราคาคิดตามจำนวนคนหรือของ?
  • ถ้ายกของขึ้นชั้นบน (ไม่มีลิฟต์) มีค่าเพิ่มไหม?
ตัวอย่างคำถาม:
“ของผมมีตู้เย็น + เครื่องซักผ้า ต้องใช้กี่คนยกครับ?”
“ถ้ายกขึ้นชั้น 4 แบบไม่มีลิฟต์ คิดเพิ่มยังไงครับ?”
3. 🕒 สามารถนัดเวลาล่วงหน้าได้หรือไม่?
ถามเพื่อ: ป้องกันปัญหา “มาเลท”, “ไม่มาตามเวลา” หรือ “ลืมจอง”
สิ่งที่ควรชัดเจน:
  • เวลานัดรับของ (เช้า/บ่าย/กลางคืน?)
  • ตรงต่อเวลาหรือแค่ช่วงเวลาโดยประมาณ?
  • ถ้าเลทเกินเวลา มีมาตรการยังไง?
ตัวอย่างคำถาม:
“สามารถล็อกเวลาแน่นอนได้ไหม เช่น 9 โมงเป๊ะ?”
“ถ้ามาช้าเกิน 30 นาที จะมีการแจ้งล่วงหน้าไหม?”
4. 🧾 มีประกันความเสียหายของสินค้าไหม?
ถามเพื่อ: ป้องกันกรณีของเสียหายระหว่างขนย้าย เช่น:
  • ของแตก
  • เฟอร์นิเจอร์บุบ
  • อุปกรณ์ไฟฟ้าเสีย
ตัวอย่างคำถาม:
“มีประกันกรณีขนของแล้วเสียหายไหมครับ?”
“ถ้าเกิดของแตก จะรับผิดชอบยังไงบ้างครับ?”
5. 📋 มีสัญญาหรือหลักฐานการตกลงหรือไม่?
ถามเพื่อ: ลดความเสี่ยงการโดนเท / ไม่มาตามตกลง / เปลี่ยนราคา
สิ่งที่ควรมี:
  • แชตหรือเอกสารระบุวัน เวลา ราคา และจุดหมาย
  • ชื่อคนขับ เบอร์โทร ทะเบียนรถ
ตัวอย่างคำถาม:
“สามารถส่งรายละเอียดการจองเป็นเอกสารหรือแชตไว้ได้ไหมครับ?”
“ช่วยแจ้งชื่อคนขับ-ทะเบียนรถไว้ก่อนวันงานได้ไหม?”
6. 🧭 มีประสบการณ์หรือรีวิวลูกค้าเก่าหรือไม่?
ถามเพื่อ: ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ
ตัวอย่างคำถาม:
“มีเพจหรือรีวิวลูกค้าที่เคยใช้บริการบ้างไหมครับ?”
“ขอดูภาพรถที่จะใช้ขนของจริงได้ไหม?”
7. 📦 ของที่ต้องขนมีขนาด/น้ำหนักพิเศษ ควรแจ้งไหม?
ถามเพื่อ: ให้ผู้ให้บริการเตรียมอุปกรณ์หรือแรงงานให้เหมาะสม
ตัวอย่างสิ่งที่ควรแจ้งล่วงหน้า:
  • ตู้เย็น 2 ประตู / เตียงควีนไซส์ / เปียโน
  • เครื่องจักรหรือของที่ต้องใช้รถยก/อุปกรณ์ช่วย
ตัวอย่างคำถาม:
“ของมีตู้เย็น + เตียงใหญ่ ต้องใช้รถแบบไหนถึงเหมาะครับ?”
“ต้องใช้รถตู้ทึบหรือหกล้อถึงจะพอครับ?”
✅ สรุป
การตั้งคำถามก่อนจ้างรถรับจ้าง เป็นวิธี “ป้องกันปัญหา” ดีกว่ามา “ตามแก้ทีหลัง”
ยิ่งรายละเอียดชัด – การทำงานก็ยิ่งราบรื่น
💬 ถามให้ครบ ตอบให้ชัด = ประหยัดเงิน ลดปัญหา และสบายใจกว่า

✅ สรุป: เลือกรถให้เหมาะ – ประหยัดกว่าเดิม

การเลือกประเภทรถรับจ้างให้ตรงกับลักษณะงาน ไม่ใช่แค่เรื่อง “ขนของให้เสร็จ” แต่เป็น “การบริหารต้นทุน” อย่างมีชั้นเชิง
เพราะถ้าเลือกถูกประเภทตั้งแต่ต้น = ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากในวันจริง
🎯 ทำไมการเลือกรถให้เหมาะ ถึงช่วยประหยัด?
สถานการณ์ เลือกรถผิด เลือกรถถูก
ขนของน้อย แต่ใช้รถหกล้อ จ่ายแพงเกินจำเป็น ใช้กระบะก็พอ ประหยัดทันที
ขนของเยอะ แต่ใช้กระบะ ต้องวิ่งหลายรอบ = ค่าน้ำมัน+เวลาเพิ่ม ใช้หกล้อเที่ยวเดียวจบ
ของกลัวฝน แต่เลือกกระบะเปิด ของเสียหาย = เสียเงินซ่อมหรือซื้อใหม่ ใช้รถตู้ทึบ = ปลอดภัย
📌 แนวทางเลือกประเภทรถให้ “คุ้มค่าที่สุด”
ประเภทรถ เหมาะกับงานแบบไหน
🚐 กระบะตอนเดียว ย้ายหอ, ขนของเบา, งบน้อย
🚛 กระบะตู้ทึบ ขนของมีมูลค่า, ไม่โดนฝน, เดินทางไกล
🚚 รถหกล้อ ย้ายบ้านทั้งหลัง, เฟอร์นิเจอร์, ขนสินค้าหนัก
🚚 รถสิบล้อ โรงงาน, ธุรกิจ, ของเยอะมาก
💡 เคล็ดลับจากสายงานขนของ:
1. มีของแค่พอรถกระบะ? = อย่าเช่าหกล้อ
→ ถ้ารถใหญ่เกินของ → จ่ายแพงโดยใช่เหตุ
2. กลัวฝน/กล่องเปียก? = ตู้ทึบเท่านั้น
→ งานต่างจังหวัดเจอฝนบ่อย โดยเฉพาะช่วงเย็น
3. มีเฟอร์นิเจอร์ใหญ่? = หกล้อเถอะ
→ ของไม่ต้องถอด = ประหยัดแรงคน ประหยัดเวลา
📊 เลือกรถให้เหมาะ = ประหยัดได้กี่ %?
เลือกรถไม่เหมาะ เลือกรถเหมาะ ส่วนต่างโดยประมาณ
รถหกล้อ ขนของน้อย กระบะตอนเดียว ประหยัด 1,500–2,000 บาท
วิ่ง 2 รอบด้วยกระบะ หกล้อรอบเดียว ประหยัดเวลา + ค่าน้ำมัน
ของเสียหายจากฝน ใช้รถตู้ทึบ ประหยัดค่าซ่อมหรือเปลี่ยนของ
✅ สรุปสุดท้าย
“การเลือกรถที่เหมาะสม = ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของการจัดการอย่างมืออาชีพ”
  • เลือกรถเล็กสำหรับของเล็ก
  • เลือกรถใหญ่เฉพาะเมื่อจำเป็น
  • เลือกตู้ทึบเมื่อของมีมูลค่า/เปียกน้ำได้
  • เช็ครายละเอียดงานก่อนจองเสมอ
Scroll to Top